วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันนี้เราก็มีการแต่งตัวแนววินเทจมาฝากกันนะครับ













การแต่งตัวสไตล์วินเทจ

สำหรับ "วินเทจ" ความหมายในแง่แฟชั่นจะหมายถึง "ของเก่า" หรือ "ของที่ทำให้ดูเก่า" ที่เราเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ก็จะเป็นพวกของมือสอง หรือถ้าจะให้เป็นวินเทจแบบของแท้แน่นอนก็จะต้องเป็นสมบัติของพ่อแม่(หรือแม้แต่ของเพื่อน 555+) ที่เรานำกลับมาใช้ มาใส่ใหม่ได้เรื่อยๆตามช่วงเทรนด์ในแต่ละยุค บางคนก็ไม่สนใจยุค เป็นความชอบส่วนบุคคล
ลองนึกถึงภาพของหญิงสาวในยุค 60's ดู... สาว ๆ สมัยนั้นเค้าใส่เดรสสั้นทรงเอไลน์ มีปกเสื้อใหญ่ ๆ อาจจะมีคอร์เซ็ต(เข็มขัดเส้นใหญ่ ๆ)คาดด้วยก็ได้ นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียว ยังมีเสื้อผ้าสไตล์วินเทจแพทเทรินเก๋ ๆ อีกมากมายให้เราเลือกใส่กัน

แต่เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เสื้อผ้า ข้าวของ เครื่องประดับที่เราเห็นที่เค้าบอกว่าสไตล์วินเทจ มักจะเป็น "เฟควินเทจ" หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือทำแพทเทรินสไตล์เก่า แต่ผ้าใหม่เท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะเป็น "วินเทจ" หรือ "เฟควินเทจ" ก็มีเสน่ห์ไปคนละแบบเหมือนกัน แต่อย่างนึงที่มีเหมือนกันคือ "ความเรียบง่าย" ที่ดูทีไรก็ไม่เบื่อซักที แถมแฟชั่นนี้ยังตอบรับกระแสอนุรักษ์ทรัพยากรโลกด้วย(ก็เราไม่ต้องซื้อใหม่ไงคะ เอาของคุณยายคุณแม่มาใช้บ้าง ของเพื่อนบ้าง เห็นไหมละค่ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ แล้วยังไม่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาตในการผลิตเสื้อผ้าอีกด้วย) นอกจากนี้เรายังสามารถส่วมใส่ได้หลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นในวันธรรมดา หรือวันที่เราต้องออกงานในโอกาสพิเศษ

ส่วนเรื่องเครื่องประดับที่จะมามิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ ก็จะเป็นพวกเครื่องประดับทองเหลืองทั้งหลายซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีทั้งที่เป็นทองเหลืองแท้ ๆ (ซึ่งก็จะมีราคาสูงซักหน่อย) และที่เป็นทองเหลืองที่ชุบขึ้นมาใหม่ และกระเป๋าก็สไตล์กระเป๋าหนังทั้งแบบสะพายเฉียงและสะพายข้าง
ในวันธรรมดาสาว ๆ อาจจะเลือกใส่เชิร์ตตัวโคร่ง พับแขน คู่กับยีนส์ขาเดฟหรือเลกกิ้ง แล้วก็คาดเข็มขัด หรือคอร์เซ็ต ซักเส้นทับเสื้อเชิร์ต และเพิ่มความโมเดิร์นแบบเท่ห์ ๆ ด้วยแว่นเรย์แบรนกับรองเท้าผ้าใบหรือคัชชูหนังส้นเตี้ย แค่นี้ก็ออกไปข้างนอกได้แบบชิลล์ ๆ แล้ว

และเมื่อเราจะต้องออกงาน เราก็สามารถเลือกใส่เดรส(จะเป็นเดรสยาวหรือสั้นก็ได้)ทรงเอก็สวยดีแต่ถ้าสาวคนไหนไม่ค่อยมั่นใจกับเดรสทรงเอ ลองใช้เข็มขัดเส้นเล็กๆ มาช่วยเน้นส่วน ให้ดูมีส่วนเว้าโค้งก็ได้ค่ะ หรือจะเลือกใส่กระโปรงเองสูงหรือกางเอง คู่กับเชิร์ตแขนยาวเข้ารูปก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้เค้ามีเสื้อเชิร์ตแบบเก๋ ๆ มีลูกเล่นที่คอเสื้อแปลก ๆ ให้เราเลือกมากมายเลยล่ะค่ะ เลือกใส่รองเท้าส้นสูง(จะเป็นส้นตันหรือส้นเข็ม)จะเหมาะมาก

เสื้อผ้าสไตล์นี้น่ะบางครั้งเราไม่ต้องเสียเงินซื้อก็ได้ค่ะ ลองไปเปิดตู้เสื้อผ้าคุณแม่ดู เราอาจจะได้เจอเสื้อผ้าเก๋ ๆ เยอะแยะเลยก็ได้ เห็นไหมล่ะสวยเก๋ ประหยัด แล้วยังอินเทรนด์ได้อีก


สามารถดูเพิมเติมได้ที่นี้http://campus.sanook.com/943262/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C-lookbook/


วาเลนไทน์ปีนี้ แต่งตัวอย่างไรไปออกเดท ไปดูกันครับ


การแต่งตัวในแต่ละแบบบ่งบอกอารมณ์ที่แตกต่างออกไป บ่อยครั้งที่พบว่าการเพิ่มเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับบางชิ้นสามารถนำทางความรู้สึกและการแสดงออกได้อย่างยอดเยี่ยม เหมือนวันไหนที่เรานึกสนุกแอบใส่ชุดชั้นในแบบเซ็กซี่สีดำ วันนั้นเราจะรู้สึกว่าตัวเองมีเสน่ห์และกล้าทำตัวเปรี้ยวมากขึ้น ดังนั้น การแต่งตัวจึงเป็นหนึ่งกลยุทธ์การสร้างสรรค์ภาพลักษณ์ที่ใช้ได้ดีเสมอในทุกโอกาส แม้แต่ในวันแรกที่คุณออกเดท เราลองมาเลือกสไตล์ของดาราดังในวันว่าง แล้วดูซิว่าพวกเธอให้ความรู้สึกในแบบไหน และเราสามารถสร้างอารมณ์ในแบบเดียวกันได้อย่างไรให้อินเทรนด์






ไม่มีอะไรจะแสดงความเป็นสาวรักธรรมชาติและอ่อนโยนได้ดีเท่ากับการแต่งตัวใน กลุ่มสีเอิร์ธโทนจำพวก เทา น้ำตาล อีกแล้ว แต่สำหรับช่วงนี้คุณต้องเพิ่มดีเทลให้ตัวเองมากขึ้นด้วยการด้วยการดึงสีขาวมาเป็นพื้นและใช้ในสัดส่วนหลักที่มากกว่าสีอื่นๆ อย่าง ใช้สีขาวเป็นท่อนล่างในแบบ กางเกงสามส่วนรูดปลาย แต่งระบายลูกไม้แมตช์ กับ เสื้อสายเดี่ยวสีเทา แบบ Eva Longoria หรือใช้ เสื้อสีขาว ในท่อนบนที่มีการ ตัดเย็บในแบบซ้อนชั้นแต่งลูกไม้ แบบย้อนยุคเข้าคู่กับ กางเกงทรงเดฟรัดรูปสีน้ำเงินเข้ม แบบเดียวกับ Kate Beckinsale สำหรับเดทกลางคืนที่เอื้อให้แต่อีฟนิ่งเดรสแบบที่หรูหราขึ้นมาอีกนิด น่าสนใจทีเดียวที่จะประกาศความหวานโรแมนติกใต้แสงเทียนกับการสวม เดรสสีขาวเหนือเข่า เข้าชุดกับรองเท้า และ เครื่องประดับสีขาว แบบ Paris Hilton และ Ann Hathaway สิ่งสำคัญที่ช่วยลดความโพลนตาคือ คุณต้องเลือกชุดและเครื่องประดับที่มีรายละเอียด ถ้าไม่อยากเน้นที่เนื้อผ้ามีลวดลายลูกไม้ ก็เลือกที่มีดีไซน์ซับซ้อนสไตล์วินเทจแบบจับจีบซ้อนระบายเข้าไว้








ความปราดเปรียวลึกลับนับเป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งที่ผู้ชายไม่น้อยหลงใหล และสีที่แสดงบุคลิกลักษณะนี้ได้ชัดเจนที่สุดก็คือ สีดำ ถ้ามั่นใจในตัวเองและไม่แคร์ว่าเขาจะกลัวความลึกลับในแบบท้าทาย สีดำคือสีที่เหมาะสมกับสาวในแบบคุณ และนี่คือเทคนิคการเพิ่มมิติให้สีดำสะท้อนความเป็นตัวคุณในแบบหลากหลายอารมณ์คละเคล้า เหมือนค็อกเทลที่มีเบสเป็นวอดก้า ลึกลับในแบบอ่อนโยนกับการสวม แส็คเหนือเข่าสีดำที่มีรายละเอียดช่วงแขนแบบจีบระบาย หรือตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อลูกไม้ แมตช์ความสว่างไสวกับ รองเท้าและเครื่องประดับเงินวาว และปล่อยผมเซอร์ธรรมชาติสไตล์ Rachel Bilson หรือถ้าชอบลึกลับเย้ายวนสไตล์คลาสสิกแบบ Catherine Zeta-Jones สวม แส็คดำ คาดเข็มขัดขาว เข้าชุดกับ รองเท้าขลิบขาว และลึกลับในแบบสาวฮาร์เล่ย์สไตล์ Kirsten Dunst สวม เสื้อแขนกุดคอกว้างสีดำ กับ กางเกงหรือกระโปรงยีนส์มินิชายรุ่ย กับ แว่นกันแดดกรอบกลมขอบหนา

สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่http://www.hi5thai.com/viewthread.php?tid=71908

สำหรับรูปภาพเราก็เอามาฝากเช่นกันครับ







ใครอยากดูหรืออยากได้ภาพสวยๆ ก็เข้าไปได้ที่นี่เลยครับ



สิ่งที่หน้าสนใจวันนี้ เราเอาผ้าที่สามารถนำมาทำเป็นชุดประจำชาติมาฝากครับ โดยมีผ้าแปลกๆ และโดดเด่นครับผม

ผ้าจากใยแมงมุมสีทอง


นักประวัติศาสตร์ ศิลปะชาวอังกฤษผลิตผลงานอันน่าทึ่ง ด้วยการทอผ้าคลุมไหล่จากใยสีทองของแมงมุม  “golden orb spider” กว่า 1 ล้านตัว โดยใช้เวลาในการถักทอทั้งสิ้น 5 ปี ทั้งนี้เชื่อว่าผ้าคลุมไหล่ดังกล่าว เป็นผืนผ้าที่ผลิตจากใยแมงมุมสีทองขนาดใหญ่และหายากที่สุดในโลก
ผ้าคลุมไหล่ทอมือจากใยแมงมุม ขนาด 11 ฟุต เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนายไซมอน เพียร์ส เขาใช้เวลาในการถักทอทั้งสิ้น 5 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งสิ้นมากกว่า 15.7 ล้านบาท
ผ้าผืนนี้ถูกนำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ “American Museum of Natural History” ในกรุงนิวยอร์ค เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะถูกนำไปอวดโฉมที่กรุงลอนดอนในปีหน้า
 แมงมุม 1 ตัว สามารถผลิตเส้นใยสีทองได้มากถึง 400 หลา
ผ้าคลุมไหล่ผืนนี้ ผลิตจากใยของแมงมุม “golden orb spider” ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ในมาดากัสการ์ จำนวนกว่า 1 ล้านตัว  และมีเพียงตัวเมียเท่านั้นที่จะผลิตเส้นใยสีทองที่ทั้งสวยงามและมีความแข็ง แรงทนทาน จนสามารถนำมาใช้งานได้
นายนิโคลาส ก็อดเล่ย์ หุ้นส่วนของนายเพียร์ส กล่าวว่า กว่าจะได้ใยไหมเพียง 1 ออนซ์ (0.028 ก.ก.) ต้องใช้ (แรงงาน) แมงมุมมากถึง 14,000 ตัว และผ้าคลุมไหล่ผืนนี้ก็มีน้ำหนักราว 2.6 ปอนด์ (1.179 ก.ก)
“เราต้องหาผู้ร่วมงานที่เต็มใจทำงานกับแมงมุม และไม่กลัวพวกมันกัดเวลานำใยมาใช้ทอผ้า” นายก็อดเล่ย์ กล่าว
นายเพียร์ส ได้แรงบันดาลใจในการทอผ้าใยแมงมุมมาจากเรื่องเล่าขานที่ว่า เคยมีหัวหน้านักล่าอาณานิคมชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 นำใยของแมงมุม “golden orb spider” ในมาดากัสการ์ มาใช้ทอผ้า อย่างไรก็ตาม เขาสารภาพว่า “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าตำนานดังกล่าวเป็นเรื่องชัวร์หรือมั่วนิ่ม”
ในช่วงแรกของการทอผ้าจากใยแมงมุม เขาต้องพบกับอุปสรรคอันใหญ่หลวง เมื่อแมงมุมที่นำมาใช้ผลิตเส้นใย (ชุดละ 24 ตัว) เริ่มกัดกินกันเอง
“เราเริ่มต้นทำงานโดยใช้แมงมุมกว่า 20 ตัว แต่สุดท้ายกลับเหลือแมงมุมอ้วนพีเพียง 3 ตัว”
หลังใช้ความพยายามเป็นเวลานานกว่า 5 ปี ผลงานในครั้งนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ และถือเป็นผ้าที่ทำจากใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการผลิตมา โดยผ้าจากใยแมงมุมที่เคยมีคนทำมาก่อนหน้า มีความยาวเพียงไม่กี่เซ็นติเมตร ปัจจุบันถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลียง ประเทศฝรั่งเศส
ถึงแม้ว่าจะมีแมงมุมเป็นจำนวนมากที่ ตายในหน้าที่ แต่นายเพียร์สและนายก็อดเล่ย์ ก็ได้คิดค้นระบบเพาะพันธุ์แมงมุมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีแมงมุมรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นทดแทนทุกวัน ส่งผลให้ทั้งคู่กลายเป็นนักเพาะพันธุ์แมงมุมชนิดนี้ไปโดยปริยาย


ใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://srikate.blogspot.com/2012/01/blog-post_29.html