หน่วยที่2

6.เนเธอร์แลนด์
          เนื่องจากที่เนเธอร์แลนด์ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนและ/หรือคืนสินค้าประเภทเสื้อผ้าและสิ่งทอได้เกือบทุกชนิดภายใน 30 วัน และสามารถกระทาได้ทุกสาขาภายใต้สินค้าแบรนด์เดียวกัน ดังนั้นคนดัชท์ให้ความสาคัญกับการทดลองสวมใส่สินค้าซึ่งหากคุณภาพของเสื้อผ้าไม่ดีแล้ว เชื่อได้เลยว่าคนดัชท์จะนาสินค้าไปคืนแน่นอน แม้กระทั่งสินค้าที่ลดราคาดังนั้นสินค้าที่นาเข้าไปขายนั้นจะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
4. สภาพภูมิอากาศ: สภาพแวดล้อมและภูมิประเทศมีอิทธิพลสูงมากต่อการเลือกซื้อสินค้า เพราะเนเธอร์แลนด์มีสภาพอากาศที่แปรปรวนตลอดทั้งปีและทุกปี ในช่วงฤดูที่แตกต่างกันสภาพอากาศมีความแตกต่างทางอุณหภูมิค่อนข้างสูง ฉะนั้นการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูและอุณหภูมิมีความสาคัญ ดังนั้น ฤดูหนาวและฤดูร้อนเสื้อผ้าจะไม่ใช่เซ็ทเดียวกันและที่สาคัญวัสดุเนื้อผ้า รูปลักษณ์การปกปิดร่างกายก็จะต้องแตกต่างกันและต้องออกแบบให้เหมาะสมอีกด้วย



7.ประเทศแอฟริกาใต้

ดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกคิง โพรเธีย และสัตว์ประจำชาติคือ กวาง Springbok
ประเทศแอฟริกาใต้ หรือ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (อังกฤษ: Republic of South Africa) หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า "แอฟริกาใต้" (ต่างจาก "แอฟริกาตอนใต้" ซึ่งเป็นภูมิภาคประกอบไปด้วยหลายประเทศ รวมถึงประเทศแอฟริกาใต้) เป็นประเทศอิสระที่อยู่ตอนปลายทางใต้สุดของทวีปแอฟริกา มีพรมแดนติดกับ ประเทศนามิเบีย ประเทศบอตสวานา ประเทศซิมบับเว ประเทศโมซัมบิก และ ประเทศสวาซิแลนด์ ส่วนประเทศเลโซโท (Lesotho) เป็นดินแดนที่ถูกล้อมรอบทุกด้านด้วยอาณาเขตของประเทศแอฟริกาใต้ รวมทั้งยังเป็นประเทศส่งออกเพชรละ ทองคำ




8.นอร์เวย์
การแต่งกาย

- เนื่องจากอากาศในนอร์เวย์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในช่วงฤดูร้อนอาจใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง แต่ก็ควรมีเสื้อกันลม เสื้อกันฝน หรือร่ม ไว้ด้วย การเดินทางในนอร์เวย์จะต้องเดินเท้าค่อนข้างมากจึงควรมีรองเท้าที่ใส่สบายไว้สำหรับเดิน

- ในฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก ต้องมีเสื้อโค้ท ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก และรองเท้าที่บุกันความเย็น

- ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ มักมีฝนตก ควรมีเสื้อกันฝนและรองเท้าบู้ธ

- นอร์เวย์ฉลองวันชาติในวันที่ 17 พฤษภาคม ประชาชนทั่วไปจะสวมใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า “Bunad” คนต่างชาติก็ควรแต่งกายให้สุภาพด้วย




9.โปร์ตุเกส
โปรตุเกสคือดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมแตกต่างกันไปอย่างต่อเนื่องในช่วง 3,500 ปีที่ผ่านมา ทั้งอารยธรรมของชาวไอบีเรีย (Iberians) ชาวเซลต์ (Celts) ชาวฟีนีเชีย (Phoenicians) และชาวคาร์เทจ (Carthaginians) ชาวกรีก (Greeks) ชาวโรมัน (Romans) ชาวเผ่าเยอรมัน (Germanic tribespeople) รวมถึงอารยธรรมของชาวอาหรับ (Arabians) ล้วนเคยเหยียบย่ำบนแผ่นดินโปรตุเกสมาแล้วทั้งสิ้น ในชื่อ "โปรตุเกส" นั้นก็บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์สมัยโบราณส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไปแล้ว เนื่องจากรากศัพท์ของคำว่าโปรตุเกสนั้น คือชื่อที่ชาวโรมันตั้งให้ชื่อว่า "Portus Cale" อาจเป็นไปได้ว่าคำนี้จะมาจากการสมาสคำระหว่างภาษากรีกและภาษาละตินซึ่งมีความหมายว่า "ท่าเรือที่สวยงาม" ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ คริสต์ศตวรรษที่ 16 นั้นโปรตุเกสคือประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม โดยจักรวรรดิโปรตุเกสนั้นแผ่ขยายอำนาจของตนไปทั่วโลก เมื่อหลังจากที่ประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ พัฒนาขึ้นในด้านการล่าอาณานิคมแล้ว โปรตุเกสจึงเสื่อมถอยลงไป



10.ประเทศอิรัก


การแต่งกาย การแต่งกายของชาวอิรักต้องเป็นไปตามสภาพแวดล้อม ที่มีทั้งอากาศร้อนจัด หนาวจัด และฝุ่นละอองของทราย ชนชาวอิรักจึงต้องปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด และคลุมหน้าผู้หญิง ขนบธรรมเนียมของชาวตะวันออกกลาง สตรีทุกคนห้ามทำงานในที่สาธารณะ ยกเว้นอาชีพพยาบาลที่ให้ชาวต่างชาติมาทำได้ ผู้หญิงชาวตะวันออกกลางถูกห้ามมาเดินนอกบ้านโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องไปตลาด หรือ โรงพยาบาล ต้องคลุมศีรษะให้มิดชิด ในตะวันออกกลาง คดีอาชญากรรมทางเพศ การข่มขืนผู้หญิง โทษคือ ตัดคอ อย่างเดียว

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
cherokee.exteen.com/20100220/faces-of-the-world-i